ชาวเน็ตแชร์คลิปวินาทีที่ ไฮโซลูกนัท ชูของลับแจกทนาย พร้อมด่า ไอ้ลูกหมา หลังถูกสั่งห้ามไม่ให้ร่วมเก็บหลักฐานคดีรองหัวหน้าพรรค ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้ร่วมกันแชร์คลิปวินาทีที่ นาย ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ได้ชี้หน้าด่าทนายและผู้กำกับ สน.ลุมพินี ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานฐานในห้องพักของอดีตรองหัวหน้าพรรค ในซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ จากคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมี แอนนา ภรรยาไฮโซลูกนัท เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย
โดยจากคลิปจะเห็นได้ว่า ไฮโซลูกนัท ได้ชี้หน้าด่าทนายว่า “ไอ้ลูกหมา”
พร้อมด่าให้ทนายกลับไป หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทนายไม่ยอมให้ไฮโซลูกนัทขึ้นไปร่วมเก็บหลักฐานด้วย รวมถึงยังมีการแจกนิ้วกลางให้ทางทนายอีกด้วย ก่อนที่จะชี้นิ้วหน้าด่า ผกก.สน.ลุมพินี และระบุว่า “มึงจำไว้นะ มึงทำเมียกูดิ่ง” ก่อนขับรถออกไป
ซึ่ง พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวว่า ทางตนยังไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ซึ่งตนกำลังมุ่งมั่นการทำคดี นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้แล้วเสร็จลุล่วงสิ้นข้อสงสัยของพี่น้องประชาชนเสียก่อน หากแล้วเสร็จเมื่อใดจึงจะนำมาพิจารณาว่าจะดำเนินการแจ้งความหรือจะดำเนินการอย่างไร ส่วนความคืบหน้าคดีความของนายปริญญ์ ทาง พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. จะเป็นผู้แถลงชี้แจงความเคลื่อนไหวต่างๆวันพรุ่งนี้ต่อไป
ขณะที่ นายธนัตถ์ กล่าวว่าตนเองมีความกังวลกับการทำงานของตำรวจ เพราะวานนี้ไปยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันนายปริญญ์ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่กลับไม่เป็นผล เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งให้เสียเวลา อีกทั้งเจ้าหน้าที่โทรมารบกวนหลายครั้งว่าเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบว่าจะให้มาชี้จุดเมื่อใด
กระทั่งเจ้าหน้าที่แจ้งให้ตนมา ก็มา พอมาถึงก็ไม่ให้ตนขึ้นไป อ้างว่าจะเป็นผลกับรูปคดี ให้รอเก็บหลักฐานเสร็จแล้วจะให้ขึ้นไป ตนก็ให้เหตุผลว่าจะขึ้นไปทำลายหลักฐานตัวเองทำไม ยืนยันไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม แต่มั่นใจในประชาชน สื่อมวลชนและทีมงานที่ตนแต่งตั้งเอง
ก่อนหน้านี้ กกต.ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ขณะนี้ใกล้ถึงระยะเวลา 180 วัน ก่อนวันครบอายุของสภาฯ ในวันที่ 23 มี.ค.66 ซึ่งผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงให้เป็นไปตามมาตรา 68 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561
ต้องมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นส.ส. ตามมาตรา 73 ของกฎหมายเดียวกัน มีห้วงระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2565 จนถึงวันก่อนวันเลือกตั้ง
‘ไฮโซลูกนัท’ เดือด ประกาศเตรียมฟ้อง ผกก.ลุมพินี กรณีตรวจค้นคอนโด ‘ปริญญ์’
ไฮโซลูกนัท โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เตรียมฟ้อง ผู้กำกับ สน.ลุมพินี ส่อทำสำสำนวนหลวม หลังเชิญแอนนาเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุ โดยไม่ให้ตนขึ้นไปด้วย นาย ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจ สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางไปยังคอนโดมิเนียมของ นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเก็บหลักฐานเกี่ยวกับคดีล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มเติม
ในการเก็บหลักฐานนั้น แอนนา ภรรยาของไฮโซลูกนัท ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความนาย ปริญญ์ ได้ถูกเรียกให้ขึ้นไปชี้จุดเกิดเหตุ แต่ทางผู้เป็นสามีไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปร่วมต้นค้นด้วย
โดยไฮโซลูกนัทระบุว่า “ในเหตุการณ์เมื่อวาน ตำรวจ ได้หลอกลวง แอน รวมไปถึงสื่อมวลชน ให้เข้าไป “ชี้จุดเกิดเหตุ” นั้นเป็นสาเหตุเดียวที่ ผมและแอน ไปที่สถานที่เกิดเหตุ จากการที่ ตำรวจ สน ลุมพีนี เรียกให้ไปชี้ พอไปถึงก็ไม่ให้ชี้ แต่ หลอกให้ชี้ข้างล่าง เป็นการพยายามให้สำนวนหลวม
มากไปกว่านั้น ผ่านมาหลายวันมากๆแล้ว ยังจะพึ่งไป เป็นใครๆ คงทำลายหลักฐานทิ้งหมดแล้ว ซ้ำทนายของผู้ต้องหา ก็ยังอยู่บนห้องกับตำรวจ ส่อแววรวมมือกันทำอะไรซักอย่าง – เห็นได้ชัดว่าการที่ ทนายผู้ต้องหา และตำรวจทำ คือการพยายามที่จะทำลายสภาพจิตใจของผู้เสียหาย ให้สติแตกและหมดแรงสู้ การกลับมาที่จุดเกิดเหตุเป็นเรื่องที่จะทำร้ายสภาพจิตใจของผู้เสียหายได้มากๆ เป็นที่รู้ดี ผู้เสียหายรู้ จิตแพทย์รู้ คน และ ประเทศเจริญๆแล้วรู้ แต่ตำรวจไทย ไร้ความเจริญ ใช้สิ่งนี้มากลั่นแกล้งผู้เสียหายของเรา ในการเรียกให้มาชี้ซ้ำๆ เพราะท้ายสุดแล้ว ก็ต้องย้อนภาพจำในวันนั้น เพื่อมาชี้จุดเกิดเหตุในวันต่อมาอยู่ดี
เรื่องต่อไป ได้มีการอ้างถึง “หมายคุ้มครอง” ของศาล ซึ้งไม่มีอยู่จริง ขอพูดก่อนว่า ในตอนแรกตำรวจบอกว่า จะให้ขึ้นไป ขอให้การพิสูจน์หลักฐานทำงานเส็ดก่อน (สื่อมวลชนเป็นพยาน) และแล้วไม่นานก็กลับคำโกหกแรกด้วยคำโกหกสองว่า ทนายของผู้ต้องหา ขอสิทธิ์คุ้มครอง ไม่ให้ขึ้นไป – พอถามหาขอดูหมาย ได้ทำท่าทีจะให้ดู แต่ก็ไม่ให้ดู – หลังจากนั้น ตำรวจแก้ตัวกับสื่อมวลชนว่า ศาล อนุญาตแค่เจ้าหน้าที่ หากแต่ว่า แท้จริงแล้วในขบวนการ ยุติธรรม ศาลได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่เต็มที่ แปลว่าแม้ผู้เสียหายไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อหมายค้น ตำรวจย่อมมีสิทธิ์ใช้ดุลพินิจ พาผู้ต้องหาขึ้นไปถ่ายรูปประกอบหลักฐานให้รัดกุม ปฏิเสธการคัดค้านของทนายผู้ต้องหา (ได้ confirm อำนาจของเจ้าหน้าที่โดยศาลแล้ว)
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป