ชมพู่ เจ้าของ กระเป๋าแอร์เมส ได้เดินทางเข้ารับกระเป๋าคืนแล้ว ด้านทนายเกิดผลลั่นดำเนินคดี สรพงษ์ ถึงที่สุด พร้อมเผยยังมีรอยปากกาจางๆอยู่ น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ หรือชมพู่ อายุ 24 ปี เจ้าของกระเป๋าแบรนด์ดังแอร์เมส ได้เดินทางไปยัง สน.บางขุนเทียน พร้อมด้วยทนายเกิดผล แก้วเกิด เดินทางมาที่ สน.บางขุนเทียน ตามที่พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม จากกรณีที่เธอได้แจ้งความร้องทุกข์ ใน 2 ข้อหา คือ ยักยอกทรัพย์ และ ทำให้เสียทรัพย์
ขณะที่ น.ส.จิดาภา กล่าวว่า ยืนยันจะไม่ยอมความและดำเนินคดีถึงที่สุด
หากคุณทีน่าไม่จ่ายเงิน 2 ล้านบาทตามที่ประกาศไว้ เพราะมองว่าคุณทีน่าไม่รู้สึกสำนึกว่าทำผิด พูดย้ำแต่ว่าไม่ได้ยักยอก ทั้งที่ที่ผ่านมาพฤติกรรมส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทั้งการไม่ยอมคืนกระเป๋า และใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดังนั้นอยากให้การกระทำในครั้งนี้เป็นบทเรียน ว่าต้องรับผิดชอบคำพูดของตนเอง
ซึ่งเธอได้ยอมรับว่าเธอรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย สำหรับเรื่องการเปลี่ยนชื่อ ไม่รู้สึกอะไร เพราะถือเป็นเรื่องที่เจ้าตัวพูดมาเอง ยืนยันว่าให้ทุกอย่างจบที่กระบวนการชั้นศาล แม้จะขอโทษก็ไม่ยอมรับ แต่จะยอมก็ต่อเมื่อจ่ายเงินสด 2 ล้านบาทเท่านั้น
ด้าน ทนายเกิดผล กล่าวว่า วันนี้เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน และนำหลักฐานมายื่นเพิ่มเติม รวมถึงใบรับรองจากสถาบันตรวจสอบกระเป๋า ที่เจ้าของสถาบันนำมายื่นไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับกระเป๋าแอร์เมส
ส่วนในอนาคต จะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมคือ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แต่ต้องพิจารณาดูว่าเป็นการกระทำความผิดกี่กรรมและครั้ง จากการไลฟ์สดที่กล่าวหาว่ากระเป๋าเป็นของปลอม
นอกจากนี้ทางเฟซบุ๊กของทนายเกิดผลยังโพสต์รูปของ ชมพู่ที่ส่งมอบกระเป๋าดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า คดีต้องดำเนินต่อไปให้ถึงที่สุด ซึ่งทนายเกิดผลได้เปิดเผยอีกด้วยว่ายังคงมีร่องรอยปากกาจางๆ
เพื่อเอื้ออํานวยแก่จําเลยที่ 5 เข้าทําการเสนอราคา จําเลยที่ 3 และที่ 4 จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 ด้วย จําเลยที่ 3 และที่ 4 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจําเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทําความผิด จึงฟังไม่ได้ว่าจําเลยที่ 5 และที่ 6 เป็นผู้สนับสนุน การกระทําความผิดจําเลยที่ 3 และที่ 4 จําเลยที่ 5 และที่ 6 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
รองโฆษก ตร. เปิด 5 แนวทางป้องกัน SMS แอปฯ หลอกเงิน
ตร. เตือนภัย มิจฉาชีพ อ้างเป็นพนักงานบริษัทขนส่งสินค้าหรือเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ผ่าน Call Center หรือ ส่ง SMS หลอกลวงข้อมูลส่วนตัว-ให้โอนเงิน
วันนี้ (17 ธ.ค.64) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งเตือนถึงภัยมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น SMS ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโทรศัพท์ผ่าน Call Center แสดงตนอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่งหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมายส่งมายังผู้รับหรือส่งพัสดุไปยังต่างประเทศซึ่งเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ยินยอมส่งข้อมูลส่วนตัวและโอนเงินไปให้ สร้างความเสียหายห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19
การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้วยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน ถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวงผ่านแพลตฟอร์มหรือแอพพลิเคชั่นออนไลน์ SMS ไลน์ เฟซบุ๊ก หรือผ่านทางโทรศัพท์ ดังนี้
1. หากมีการกล่าวอ้างว่าท่านไปเกี่ยวข้องการกระทำผิด ให้ตั้งสติ อย่าพึ่งตื่นตระหนกและหลงเชื่อ
2. ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพหรือวีดีโอ ข้อมูลการโอนเงิน เอกสารทีเกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการดำเนินคดี
3. หากมีการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ โดยหลักจะไม่มีการให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลโดยเด็ดขาด
4. อย่ากดลิงก์ที่มิจฉาชีพ แนบมาพร้อมกับข้อความ SMS อีเมล เว็ปไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์
5. อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลบัตรต่างๆ โดยแจ้งว่าจะติดต่อกลับไปภายหลัง หรือ รีบวางสาย
นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ พ.ต.อ.จาตุรนต์ ตระกูลปาน ผกก.สภ.ไพรบึง เปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้เอาผิดหรือแจ้งความเด็กสูบกัญชา เนื่องจากยังเป็นเยาวชนและเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่ออนาคต จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนและกำชับว่าอย่าทำเรื่องแบบนี้อีก พร้อมฝากเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานให้ดี
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป