‘ประยุทธ์’ ปลื้ม! ยอดฉีดวัคซีนไทย แตะ 80 ล้านโดส

‘ประยุทธ์’ ปลื้ม! ยอดฉีดวัคซีนไทย แตะ 80 ล้านโดส

ประยุทธ์ ปลื้ม ยอดฉีดวัคซีนไทย แตะ 80 ล้านโดส พร้อมยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยต่อเนื่องหลายสัปดาห์ แสดงศักยภาพ สธ. นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทย ซึ่งมีสัญญาณดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่มีจำนวนลดลงอยู่ในหลักพัน และยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยติดต่อกันหลายสัปดาห์ และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้รักษาหายป่วยกลับบ้านมากกว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน แสดงถึงศักยภาพของสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการปรับมาตรการควบคุมโรคที่ได้ผลและความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการ

โดยล่าสุด ข้อมูลจากเว็บไซต์บลูมเบิร์ก (ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564) 

ระบุความคืบหน้าการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ 184 ประเทศทั่วโลก ขณะนี้ทั่วโลกได้ฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 7,200 ล้านโดส โดยประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก และอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน โดยประเทศที่ฉีดวัคซีนได้มากที่สุดได้แก่ จีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา บราซิล และอินโดนีเซีย

ซึ่งขณะนี้ ยอดการฉีดวัคซีนสะสมของไทยกว่า 80 ล้านโดสแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564) แบ่งเป็น เข็มที่ 1 สะสม 43,978,814 โดส เข็มที่ 2 สะสม 33,950,925 โดส เข็มที่ 3 สะสม 2,551,969 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 2,719 โดส รวม 80,484,427 โดส คิดเป็น 65.44% ของประชากรไทยทั่วประเทศ ทั้งนี้ ด้วยอัตราการฉีดต่อวันประมาณ 6-8 แสนโดสต่อวัน ทำให้บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าหากไทยฉีดด้วยความเร็วระดับนี้ต่อไป จะสามารถฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสให้ครอบคลุมประชากร 75% ได้ภายใน 1 เดือน สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศแบบปลอดภัย (Smart Entry) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลจะดำเนินการจัดหาและกระจายวัคซีนให้กับคนทุกกลุ่มในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอาการติดเชื้อรุนแรงและป่วยหนักและลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อแล้ว นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดติดตามเจรจาเพื่อสั่งซื้อยารักษาโควิด-19

ทั้ง “แพกซ์โลวิด (Paxlovid)” ของบริษัทไฟเซอร์ และ “โมลนูพิราเวียร์” ของบริษัทเมอร์ค ที่ช่วยลดการรักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงได้ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ประเทศไทยได้รับยารักษาโควิด-19 ที่มีการพัฒนาเป็นคิวแรกๆ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไทยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตและทำมาหากินได้อย่างปกติสุขโดยเร็วแบบ New Normal และร่วมเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจต่อไป

นายธนกรกล่าวอีกว่า นายกฯพอใจและขอบคุณทุกคนที่ปรับเปลี่ยน เรียนรู้วิถีชีวิตแบบปกติใหม่ เน้นการอยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งนายกฯและรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าเปิดประเทศเพราะต้องการสร้างโอกาส สร้างความหวังให้กับธุรกิจ เอกชน

โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการรายย่อย และรวมทั้งอุตสาหกรรมบริการต่างๆ ได้กลับมาดำเนินกิจการกิจกรรมได้เกือบเหมือนปกติอีกครั้ง เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นายกฯยังกำชับให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ รักษาวินัยของตัวเองอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว ตลอดจนลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยอีกด้วย

‘ตรีนุช’ โล่งอก ไม่พบผู้ป่วยจาก รร.คําสร้อยพิทยาสรรค์ ไม่ใช่คลัสเตอร์โควิด

ตรีนุช เผย ไม่พบผู้ป่วยโควิดจาก รร.คําสร้อยพิทยาสรรค์ ย้ำไม่ใช่คลัสเตอร์โควิด ขณะนี้นักเรียนและครูที่กักตัวกว่าพันชีวิตทยอยกลับบ้านแล้ว น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ออกมากล่าว หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้ป่วยโควิดในกลุ่มนักเรียนและบุคลากร โรงเรียนคําสร้อยพิทยาสรรค์ อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตรวจพบผู้ป่วยโควิดกว่า 80 ราย และส่งผลให้ต้องกักตัว 1,000 กว่าราย ซึ่งปัจจุบันนักเรียนและครูกลับบ้านหมดแล้ว

โดย น.ส.ตรีนุช ระบุว่า นักเรียนกว่า 1,000 คน และนักเรียนที่พักรอที่โรงพยาบาลสนามทุกคนได้ทยอยกลับบ้านหมดแล้ว และให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการอยู่ที่บ้าน โดยในวันที่ 5-11 พ.ย.นี้ โรงเรียนจะจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์

น.ส.ตรีนุช กล่าวต่ออีกว่า ตนได้สั่งการไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมงทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษา จังหวัด และส่วนกลาง หากเกิดเหตุไม่ว่าจะในพื้นที่จังหวัดใดให้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุในการที่จะเข้าไปแก้ปัญหาทันทีเพื่อให้ความมั่นใจผู้ปกครองและนักเรียน

“ขณะนี้ทุกโรงเรียนมีแผนการเผชิญเหตุในระดับปฏิบัติที่เป็นระบบและมีการซักซ้อมเป็นอย่างดี เมื่อเกิดเหตุการณ์เด็กติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมาทางสาธารณสุขจะเข้าในพื้นที่ทันทีทั้งโรงเรียนและชุมชน โดยในส่วนของโรงเรียนก็จะหารือร่วมกับผู้เกี่ยวข้องว่าควรจะหยุดเรียนหรือไม่ โดยยึดหลักการความปลอดภัยของนักเรียนควบคู่กับคุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ขอกำชับให้ทุกสถานศึกษาปฏิบัติตาม 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตราการเข้มสำหรับสถานศึกษา” น.ส.ตรีนุช กล่าว

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ขอชื่นชมทุกฝ่ายที่สามารถดำเนินการได้ตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อสงสัยว่าพบเชื้อโควิด-19 ทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข เอกชน ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง ครู นักเรียน ให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดเป็นอย่างดี

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป